A: หลักสูตรที่เน้นการวัดผล แบบสมรรถนะ แทนการท่องจำเนื้อหา เพียงเพื่อนำมาสอบ เดิม วัดผลจากการจำความรู้ แต่ฐานสมรรถนะ วัดผลจากการนำความรู้มาใช้งาน ที่นำมาใช้แทนที่หลักสูตรในปัจจุบัน

A:

  1. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคล (Personalization) การเป็นเจ้าของการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
  2. พัฒนาให้ผู้เรียนเกิดสุขภาวะ (Well-being) ทั้งในด้านสุขภาพ ความฉลาดรู้ สังคมและอารมณ์อย่างสมดุล รอบด้านและเป็นองค์รวม โดยยึดหลักความเสมอภาค
  3. พัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต การแก้ปัญหา ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และการสร้างประโยชน์ต่อสังคม
  4. พัฒนาผู้เรียนให้รู้เท่าทันและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและความก้าวหน้าทางวิทยาการ

A: วัดผลจากสมรรถนะทั้ง 5 ด้าน ดังนี้

  1. สมรรถนะการจัดการตนเอง
  2. สมรรถนะการสื่อสาร
  3. สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม
  4. สมรรถนะการคิดขั้นสูง และ
  5. สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง

A: ขอบข่ายการเรียนรู้ (Learning Area) 5 ด้าน ดังนี้

  1. ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านสุขภาวะกายและจิต
  2. ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม
  3. ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านโลกของงานและการประกอบอาชีพ
  4. ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ
  5. ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านสังคมและความเป็นมนุษย์

A: สมรรถนะและขอบข่ายการเรียนรู้ถูกออกแบบและพัฒนาบนรากฐานสุขภาวะ                            (WelL being Foundation) 4 ด้าน ซึ่งสถานศึกษาจะต้องสร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สิ่งแวดล้อม                   และกลไกการบริหารสถานศึกษาให้เอื้อต่อการพัฒนา มีดังนี้

  1. รากฐานด้านสุขภาพกายและจิต
  2. รากฐานด้านสังคมและ อารมณ์
  3. รากฐานด้านความฉลาดรู้ (Literacy, Numeracy, Digital Literacy)
  4.  รากฐานด้านคุณธรรมและจริยธรรม

A: การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะและรากฐานสำคัญ ผ่านขอบข่ายการเรียนรู้ เพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ มาตรฐานการศึกษาของชาติในรูปแบบผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ทางการศึกษา พ.ศ. 2561 ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ อะไรบ้าง

  1. การเป็นผู้เรียนรู้
  2. การเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และ
  3. การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
  4. วิธีการสอนที่เหมาะกับยุคโควิดมีอะไรบ้าง